“ไล่ตงจิ้น ลูกขอทานผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต”



                                แนะนำหนังสืออัตชีวประวัติของอดีตขอทาน

สวัสดีค่ะ ChibiJibiar ขอแนะนำหนังสือ “อัตชีวประวัติของอดีตขอทานที่ทุกคนเคยเย้ยหยัน มีพ่อตาบอด แม่ปัญญาอ่อน และ 14 ชีวิตที่เขาต้องเลี้ยงดู” ใครที่รู้สึกท้อแท้ในชีวิต อยากล้มลงต่อหน้าปัญหาอุปสรรคนานาในชีวิตแล้วยอมแพ้ให้กับมัน ก็มาพักรบอ่านหนังสือเล่มนี้กันก่อน มันเป็นหนังสือที่คุณน่าจะได้รับรู้ในความ “ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา” และ “ชะตากรรมของชีวิต” ที่เขาพบเจอของอดีตขอทานคนนี้ “ไล่ตงจิ้น” หรือ “อาจิ้น”

หนังสือเล่มนี้เป็นการเล่าเรื่องราวการดำเนินชีวิตอย่างยากลำบากของไล่ตงจิ้น (ผู้เขียน) กับครอบครัวขอทานของเขาที่เติบโตขึ้นในประเทศไต้หวัน เขาออกไปขอทานตั้งแต่อายุได้ 2 ขวบ และทำอบบนั้นต่อเนื่องมาตลอด กว่าจะได้ข้าวมาประทังชีวิตมันไม่ง่ายเลย ชีวิตของเขาและครอบครัวขึ้นอยู่กับความเมตตาของผู้อื่น ไร้บ้านเป็นหลักแหล่ง ส่วนใหญ่จะอาศัยศาลเจ้าในสุสานเป็นที่บังแดดบังฝน หรือแม้กระทั่งนอนกลางทุ่งนากลางป่าก็บ่อย เวลายกโขยงเดินทางกันทั้งครอบครัวก็จะถูกมองสายตาเวทนาเหมือนตัวประหลาด จากเด็กขอทานในวันนั้นผ่านมาหลายสิบปีกว่ากว่าจะเติบโตขึ้นมาเป็นที่ยอมรับของสังคมได้ บอกเลยว่า “ไม่ใช่เรื่องง่าย” แต่เขากลับมีความมุมานะที่จะทำให้ตัวเองและครอบครัวหลุดพ้นจากวงจร “ขอทาน” ให้ได้สักวันหนึ่ง

สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจและข้อคิดดี ๆ ที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้

o “อาเจียว” พี่สาวของไล่ตงจิ้น เป็นผู้หญิงที่กตัญญูและมีจิตใจงดงามควรค่าแก่การยกย่องในความเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ว่าตัวเองจะทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจเพียงใด แต่ขอแค่ครอบครัวไม่อดตาย น้องชายได้เรียนหนังสือ เธอก็พร้อมยอมทำเพื่อครอบครัว เรานับถือในความเสียสละและใจของผู้หญิงคนนี้มากจริง ๆ

o “พ่อ” ตาบอดสนิททั้ง 2 ข้าง ชอบทุบตีลูกเวลาโมโห ความคิดเห็นส่วนตัว คือ เราว่าถ้าตีให้จำว่าทำผิดก็ไม่ควรตีแรงให้ถึงขั้นบาดเจ็บรุนแรง มันเหมือนเป็นที่ระบายอารมณ์ อ่าน ๆ ไปบางทีเราก็รู้สึกโมโหเหมือนกัน แต่ไม่ว่าอาจิ้นจะถูกพ่อทุบตีมากมายขนาดไหน เขาก็รักพ่อของเขามากอยู่ดี และนี่ก็อาจเป็นวิธีการสอนของพ่อเขาก็เป็นได้ อาจิ้นจึงเติบโตมาอย่างเข้มแข็ง มีความอดทน และมีความรับผิดชอบ สามารถเป็นที่พึ่งพาของครอบครัว และทำให้ “อาจิ้น” กับ “อาเจียว” ก็มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ และรักครอบครัวมากจริง ๆ 

o “อาจิ้น” เป็นคนที่มีความกตัญญู มีภาวะผู้นำ อาจเป็นเพราะเค้าถูกปลูกฝังความเป็นลูกชายคนโต ซึ่งต้องทำมาหาเลี้ยงครอบครัว เด็กอายุแค่ 3 – 4 ขวบก็ต้องรับภาระเลี้ยงคนทั้งครอบครัวแล้ว วัน ๆ หนึ่งต้องเดินทางไปขอทานหลาย 10 กิโลเมตร กลับมาบ้านก็ต้องคอยดูแลครอบครัวอีก และเขาก็ทำแบบนี้มาตลอด จนกระทั่งเข้าโรงเรียนแล้วเขาก็ยังต้องออกไปขอทานกับพ่ออีก วันหนึ่ง ๆ ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่เรียนดี ความสามารถหลากหลายเป็นที่โดเด่นมาก นับถือในความมุ่งมั่นตั้งใจ และความพยายามของเขามาก ๆ

o “ลี่เสีย” ภรรยาของอาจิ้น เป็นผู้หญิงที่มีความรักให้กับคน ๆ หนึ่งอย่างแท้จริง แม้เธอจะมาจากครอบครัวที่ดี ไม่ลำบาก แต่เธอต้องการผู้ชายที่มีความรับผิดชอบและรักความก้าวหน้า ต่อให้ครอบครัวอาจิ้นจะยากจนกว่าที่เป็นอยู่ แต่ถ้าพร้อมจะต่อสู้ฝ่าฟันไปด้วยกัน เธอก็ยินดีจะเลือกอาจิ้นมาเป็นคู่ชีวิต

o สุดท้ายคือความทึ่งในความเป็น “ไล่ตงจิ้น” มาก ๆ ไม่คิดว่าชีวิตของคน ๆ หนึ่งจะผ่านเรื่องราวอันรันทดได้ขนาดนี้ แต่เขาก็พยายามและอดทนฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างมาได้ เป็นบุคคลที่น่านับถือในความเป็น “ไล่ตงจิ้น” จริง ๆ อ่านเล่มนี้แล้ว รู้สึกว่า “ความพยายามและความอดทนที่ผ่านมาของเราเทียบไม่ได้แม้เพียงเศษเสี้ยวเดียวของเขาเลย แล้วทำไมเราถึงได้หยิบหย่งยอมแพ้ให้กับแค่ขวากหนามเล็ก ๆ หย่อมเดียวเท่านั้น”

มาทำความรู้จักกับครอบครัวขอทานที่ต่างถูกมองด้วยสายตาดูถูกและเหยียดหยาม ต้องรอคอยความเมตตาจากผู้อื่นเพื่อให้มีชีวิตรอด มาติดตามเส้นทางการเติบโตของ “ไล่ตงจิ้น” ลูกชายคนโต และการฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตของเขาจากเด็กขอทานคนนี้ จนกระทั่งได้รับเลือกให้เป็น 10 สุดยอดบุคคลดีเด่น ที่ยืนยันได้ว่าเขาเป็นที่ยอมรับของสังคม แล้วคุณจะรู้สึกทึ่งในความเป็น “ไล่ตงจิ้น” แล้วมาพบกับการแนะนำหนังสืออ่านนอกเวลางานเล่มถัดไปกันใหม่นะคะ สวัสดีค่ะ

ไล่ตงจิ้น ลูกขอทานผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต

ผู้เขียน : ไล่ตงจิ้น

ผู้แปล : วิลาวัลย์ สกุลบริรักษ์

ราคา 195 บาท

สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์

ปีที่พิมพ์ : ครั้งที่ 1 เมื่อ มิ.ย. 2548

 ครั้งที่ 60 เมื่อ ก.ค. 2561

 

 

ความคิดเห็น