สวัสดีค่ะ😀 ChibiJibiar มาแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวเชียงใหม่ท่ามกลางหมอกฝุ่นและควันไฟกันค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน ... อยากบอกว่าทริป 6 วัน 5 คืนของเรา ... ถึงแม้จะด้วยสถานการณ์โควิด-19 และฝุ่นควันรุมเร้าจนทำให้นักท่องเที่ยวน้อยลงไปมาก แต่ทริปนี้ก็สนุกสนานและเที่ยวสบาย คนไม่เยอะ อยากกินอะไรร้านไหน ถ่ายรูปมุมไหน ก็รอไม่นาน บางที่ก็ไม่ต้องรอเลย ฟินกันไปเลยจ้า😉
ทริปนี้เราเดินทางโดยเครื่องบินของสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ คืนวันที่ 5 มี.ค. 64 จองเที่ยวบินเวลา 18.35 น. แต่ ... เครื่องบินดีเลย์จ้า😅 กว่าจะได้บินจริง ๆ ก็เกือบ ๆ จะ 2 ทุ่ม ... สนามบินดอนเมืองที่คุ้นเคย แต่ไม่ค่อยคุ้นตาสักเท่าไหร่ เพราะบรรยากาศเงียบเหงา ร้างผู้คนมาก
เราถึงสนามบินเชียงใหม่ประมาณ 3 ทุ่มก็เรียก Grab ไปส่งที่พักโดยเราเลือกเป็นรถขนาดใหญ่อย่าง Fortuner จะได้นั่งสบาย ๆ ในราคา 257 บาท ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เราก็ถึงที่พัก "ISTY HOTEL" ช้างเผือก ซอย 4 ถนนศรีภูมิ เข้าซอยไปนิดเดียว เป็นที่พักที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นทันสมัย โทนการตกแต่งจะเป็นสีดำ ขาว เทา มีสระว่ายน้ำความลึก 140 เมตรอยู่ที่ชั้น 1 ใกล้กับทางเข้า และมี Coworrking Space นั่งอ่านหนังสือ ทำงานในบรรยากาศเหมือนอยู่ที่บ้าน และที่นี่ก็ยังมี Rooftop นั่งทานอาหารจิบเครื่องดื่มรับลมเย็น ๆ อีกด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่ที่จอดรถน้อยมากมีประมาณ 4 - 5 ที่ แต่ก็สามารถจอดริมถนนฝั่งตรงข้ามที่พักได้ (ซอยจะแคบหน่อย ๆ ) แต่ก็ถือว่าไม่ใช่ปัญหาอุปสรรคสำหรับเราแต่อย่างใด 😆 เพราะทุกอย่างดีหมด พนักงานก็น่ารัก บริการดี 😉
นอกจากนี้ที่พักของเราเรียกได้ว่าตั้งอยู่ย่านหมูกระทะได้เลย เพราะมีหลายร้านมาก ๆ ทั้งสไตล์ไทย เกาหลี ไม่ต้องกลัวอดเลย แต่ถ้าไม่อยากกินหมูกระทะ ก็ยังมีร้านสเต็กป้าเหมยตั้งอยู่ตรงปากซอยที่พักเลยค่ะ
คืนแรกเราฝากท้องกันที่ร้านสเต็กป้าเหมย รสชาติก็ใช้ได้นะ แถมราคาไม่แพงเลย ที่ร้านมีทั้งเมนูสเต็ก สลัด และของทานเล่น อย่าง เฟรนช์ฟราย หอมทอด เราสั่งเป็นสลัดไก่ น้ำสลัดอร่อย และไก่ก็กริลล์มาได้พอดี เนื้อไก่มีความนุ่ม ไม่แห้งจนเกินไป ราคาก็น่ารัก 45 บาทเท่านั้น เพื่อน ๆ สั่งเป็นสลัดทูน่า สเต็กพอร์คชอป สเต็กหมู เฟรนช์ฟราย หอมทอด ทั้งหมดนี้ราคา 349 บาท คุ้มมาก ๆ
หลังจากหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนเราก็อาบน้ำ และรีบเข้านอน เก็บแรงไว้ลุยเที่ยวกันในวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวมารีวิวกันต่อในบล็อกถัดไปนะ😊
เช้าวันที่ 6 มี.ค. 64 เรามีนัดรับรถที่เช่าไว้กับ True Laesing ตอน 8 โมงเช้า แต่พนักงานมาส่งรถให้กประมาณ 07.45 น. เราจองรถ Toyota Vios เกียร์ AT เราเช่าผ่านระบบออนไลน์ จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต สะดวกมาก ๆ เราเช่ารถทั้งหมด 4 วัน ราคา 5,400 บาท แต่ได้ส่วนลดงานไทยเที่ยวไทยอีก 45% สรุปคือจ่ายไป 3,177.90 บาท คุ้มมาก ๆ เป็นราคาที่รวมประกันภัยแล้วด้วย
หลังจากรับรถเสร็จเราก็ไปทานอาหารเช้าริมสระว่ายน้ำของโรงแรม รับแดดยามเช้าบรรยากาศสบาย ๆ อุณหภูมิประมาณ 16 องศา (เวลาไม่ต้องเร่งรีบทำอะไรนี่มันดีจริง ๆ) เซ็ตอาหารเช้าของที่นี่จัดมาให้แบบแน่น ๆ ครัวซองอบใหม่ๆ มีความกรอบนอกนุ่มใน อิ่มจุกกันไปเลยทีเดียว 😁
พร้อมออกเดินทางไปสถานที่ถ่ายรูปเช็คอินที่แรกของทริปนี้กันแล้ว เริ่มกันที่มุมถ่ายรูปยอดนิยม "ถนนช้างม่อย" เราไปจอดรถกันในวัดอู่ทรายคำ ห้ามจอดเกิน 1 ชั่วโมง แล้วก็บริจาคค่าจอดกันได้เลยจ้า😊
เดินออกจากวัดก็ให้เลี้ยวขวา แล้วข้ามถนนก็จะเจอกับซอยที่อยู่ระหว่าง "ร้านหวายน้ำผึ้ง ช้างม่อย" กับ "ร้าน Brewgining" นี่แหละมุมถ่ายรูปลง Instagram ยอดนิยม
ถ่ายรูปกันสักพักใหญ่ ก็ถึงเวลาช็อปปิ้งหวายจักสานกันแล้ว มีหลากหลายแบบ ละลานตาไปหมดเลย เราได้มาหลายชิ้นเลย
คำเตือน!!! อย่าลืมถามราคาสินค้าก่อนนำไปชำระเงินนะคะ เพราะจะสามารถต่อราคาได้มากกว่า 😁😁 เพื่อนเราซื้อกระเป๋าใบเดียว ลดราคาให้ 30 บาท ลูกค้าอีกคนก็ต่อราคากระเป๋ากันต่อหน้าต่อเราเลยจ้า ได้ลดราคาไป 50 บาท เราก็เลยขอต่อราคาบ้าง ปรากฎว่า .... คนขายบอกว่าได้ไปตั้งหลายชิ้น 1,115 บาท สรุปลดราคาให้เรา 15 บาท 😅😅😂😂
คอแห้งก็แวะร้าน Brewgining สั่งชาพีชเย็น ๆ มาดับกระหายกันสักหน่อย ชามีความหอมมาก หวานกำลังดี แถมยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ ด้วย
พักจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ เรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อ สถานีต่อไปขอเข้าวัดเอาฤกษ์เอาชัยกันสักหน่อย มาเชียงใหม่ทั้งทีพลาดไม่ได้กับการสักการะพระบรมธาตุเจ้าดอยสุเทพที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ทางค่อนข้างคดเคี้ยว โค้งเยอะมาก ระหว่างทางขึ้นดอยเราก็มีโอกาสสักการะครูบาเจ้าศรีวิชัยที่อนุสาวรีย์ ครูบาเจ้าศรีวิชัย สังเกตได้ง่าย ๆ มีรถจอดเยอะมาก ๆ เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลยที่จอดรถมีพอสมควร ช่วงที่เราไปคนน้อยก็เลยมีที่จอดรถว่างเยอะเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นช่วงปกติอาจจะต้องจอดข้างถนน ก็ระวังความปลอดภัยกันด้วยนะคะเพราะรถวิ่งผ่านไปผ่านมาตลอดค่ะ
จอดรถเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาด้านหน้าตรงทางเข้าจะมีร้านขายพวงมาลัยดอกไม้และธูปเทียนชุดละ 20 บาท
แล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ ระยะทางจากเชิงดอยขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพ ประมาณ 11 กิโลเมตร โค้งเยอะมาก มาถึงโค้งสปิริตซึ่งโค้งหักศอกและชันมากที่สุด ขับรถระวังกันด้วยนะคะ เราขับรถขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อหาที่จอดรถริมถนน ซึ่งวันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์ก็มีรถจอดยาวตลอดแนวเลยค่ะ เราก็เลยได้จอดเลยบันไดทางขึ้นวัดและรถรางไฟฟ้าไปอีกประมาณ 200 เมตร จากนั้นก็เดินย้อนกลับมาขึ้นรถรางไฟฟ้าค่ะ อากาศค่อนข้างร้อน แดดแรงมากเดินขึ้นบันไดไม่ไหวแน่ ๆ 😆😆
ซื้อตั๋วขึ้นรถรางไฟฟ้าได้ที่เคาท์เตอร์ฝั่งซ้ายมือค่ะ ค่าบริการคนละ 20 บาท จากนั้นก็มายืนเข้าแถวนะคะ ไม่นานรถรางก็มารับเราแล้วค่ะ จุคนได้มากกว่า 10 คนก็จะแน่นเป็นปลากระป๋องหน่อย ๆ
ใช้เวลาประมาณ 2 - 3 นาทีก็ขึ้นมาถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพแล้วค่ะ เราต้องถอดรองเท้าไว้ด้านนอกนะคะ หรือถ้าใครกลัวรองเท้าหาย ก็สามารถนำไปฝากในตู้ล็อกเกอร์ฝั่งซ้ายมือได้ค่ะ แล้วก็สามารถบริจาคค่าใช้บริการกันได้เลยค่ะ ช่วงนี้แดดแรงสะท้อนพระบรมธาตุให้สีทองอร่ามสวยงามมากค่ะ
ตอนนี้ 12.15 น. รู้สึกหิวมาก ๆ มาแอ่วเหนือทั้งทียังไม่มีอาหารเมืองเหนือตกถึงท้องเลย เราก็เลยคิดถึง "ข้าวซอย" แล้วชื่อร้าน "ข้าวซอยนิมมาน" ก็ผุดขึ้นมาทันที ใช้เวลาประมาณ 35 - 40 นาที เราก็มาถึงซอยนิมมานเหมินท์ 7 ก็หาที่จอดรถริมถนนได้เลยค่ะ
นั่งรอโต๊ะว่างไม่นานมากก็ได้เข้าไปจิบเครื่องดื่มสมุนไพรเย็น ๆ อย่างน้ำเก๊กฮวย น้ำอัญชันมะนาว น้ำใบบัวบก มาดับกระหายแล้วค่ะ มื้อนี้เราสั่งเมนูข้าวซอยไก่ ข้าวซอยหมูย่าง ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวเงี้ยว (ข้าวกั้นจิ้น) และเห็ดถอบต้มเค็มกับน้ำพริกข่า ทั้งหมดนี้ ราคา 662 บาท
ท้องอิ่มเราก็มีแรงเดินทางกันต่อค่ะ จุดต่อไปเราจะไปเช็คอินกันริมทะเล ใช่แล้ว....ฟังไม่ผิดค่ะ....เชียงใหม่มีทะเลแล้ว เพราะสถานที่นี้มีชื่อว่า "PANGPAO BEACH" อยู่ที่ อ.แม่แตง ใช้เวลาเดินทางจากเมืองเชียงใหม่ประมาณ 1 ชม. เป็นการจำลองบรรยากาศริมชายหาด มุมถ่ายรูปเพียบ มีการแบ่งโซนไว้เยอะแยะเลย เช่น ชิงช้าแห่งความรัก บันไดสวรรค์ ชาอู่หลงและสวนดอกไม้ บ้านควาย เป็นต้น เปิดให้บริการ 09.00 - 19.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 40 บาท อยากบอกว่าคุ้ม ไปเถอะ เขาแบ่งโซนไว้ดีมาก สวยงามเลยล่ะ
ความเห็นส่วนตัวนะ ปางเปา บีช ถ้าอยากถ่ายรูปริมหาดจำลอง แนะนำให้ไปช่วงเช้า หรือช่วงเย็น ๆ เพราะแดดแรงมากค่ะ เราไปถึงประมาณบ่าย 3 นั่งริมหาดไม่ได้เลยค่ะ แดดแรงแผดเผามาก ๆ แต่ก็สามารถนั่งทานอาหารคาวหวาน จิบเครื่องดื่มเย็นตรงบริเวณโซนปางเปาคาเฟ่ ซึ่งให้บริการงอยู่ตรงทางเข้าได้นะคะ หรือจะไปนั่งห้อยขาแช่น้ำเย็น ๆ โซนศาลาห้อยขาสบาย ๆ ได้นะคะ แต่จะสั่งอาหารมาทานบริเวณนี้ไม่ได้นะคะ ต้องทานที่โซนร้านอาหารหรือคาเฟ่ด้านหน้าค่ะ
เราสั่งเครื่องดื่มทั้งหมด 4 แก้ว เป็นเครื่องดื่มสมูทตี้เหมาะกับอากาศร้อนอันแผดเผาแบบนี้ได้ดีจริง ๆ ทั้งหมดนี้ราคา 300 บาทค่ะ
รูปแก้วน้ำ 4 แก้ว
ประมาณ 5 โมงเย็น เราก็เริ่มไปถ่ายรูปริมชายหาด จริง ๆ ก็ยังร้อนมาก ๆ เลย ช่วงหน้าร้อนพระอาทิตย์จะกลับบ้านช้าหน่อย แต่ถ้ากลัวว่าถ้าแสงหมด แล้วภาพจะดูไม่สวย ก็เลยฝ่าแดดออกไปถ่ายรูปกัน
แสงเริ่มหมดแล้วค่ะ วันนี้ถ่ายรูปเช็คอินกันมาทั้งวัน ขอกลับเข้าเมืองไปหาอาหารแซ่บ ๆ กินสักหน่อย
เพื่อนเป็นสาวเชียงใหม่ ก็เลยแนะนำส้มตำร้านเปรี้ยวปาก รสชาติดี ราคาน่ารัก สั่งไป หลายอย่าง แต่จำได้แค่ ส้มตำปลาร้า ตำข้าวโพดไข่เค็ม นมทอด คอหมูย่าง ซุปหน่อไม้ แล้วก็เมนูอะไรอีกจำไม่ได้แล้วอ่ะ ความจำสั้นจริง ถ่ายรูปมาก็ไม่ครบ เพราะหิวมาก ๆๆๆๆๆ มื้อนี้จ่ายไป 622 บาท อยากบอกว่า ปกติเป็นคนไม่กินส้มตำปลาร้า แต่ปลาร้าร้านนี้หอมยั่วใจมาก พอได้ชิมเท่านั้นแหละ กินไม่หยุด 😆😆 หอม อร่อย ฟินเลยอ่ะ
หลังจากนั้นเราก็พากันกลับที่พัก ทั้งอิ่ม ทั้งล้า ถ่ายรูปเพลียกันทั้งวัน หัวเราะจนพุงเคล็ด 😅😅 เจอกันใหม่ DAY 2 นะคะ ฝันดีค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น