“ทะเลสาบซีหู” กับความสวยงามที่อยากให้สัมผัส


         
          มณฑลเจ้อเจียง เป็นมณฑลติดชายฝั่งทะเลฝั่งตะวันออกของสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบด้วย 11 เมือง ได้แก่ หางโจว หนิงโป เวินโจว หูโจว เจียซิง เส้าซิง จินหัว ฉวีโจว โจวซาน ไถโจว และลี่สุ่ย เป็นมณฑลที่มีธรรมชาติสวยงามทั้งภูเขา ทะเลสาบ และแม่น้ำ 

           
          วันนี้ชิบิจะพาไปเที่ยวกันที่เมืองหางโจว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียง ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑล เป็น 1 ใน 7 เมืองเก่าแก่ ได้แก่ นานกิง ปักกิ่ง ลั่วหยาง ซีอาน ไคฟง หางโจว และอันหยาง ที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมซ่อนอยู่มากมาย
         
เคยได้ยินกันมั้ย “ถ้าไปเที่ยวเมืองหางโจว แล้วไม่ไปทะเลสาบซีหู จะถือว่าไปไม่ถึงเมืองหางโจว” เพราะเราจะพลาดโอกาสสัมผัสกับบรรยากาศความงดงามที่น่าหลงใหลของทะเลสาบแห่งนี้ไปอย่างน่าเสียดายมันคือความลงตัวของธรรมชาติกับสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งทะเลสาบซีหู (Xihu Lake หรือ West Lake) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหางโจวถูกห้อมล้อมไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่ทันสมัย เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 2011 มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15 กิโลเมตร มีจุดท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ สะพานขาด และเจดีย์เหลยเฟิง กับตำนานนางพญางูขาวอันโด่งดัง

          ช่วงที่ชิบิเดินทางไปท่องเที่ยวที่เมืองแห่งนี้เป็นฤดูหนาว เดือนธันวาคม 2562 อากาศหนาวมากอุณหภูมิต่ำสุดที่เจอคือ 5 องศาเซลเซียสค่ะ ส่วนวันที่ชิบิไปเที่ยวทะเลสาบซีหูอุณหภูมิสูงขึ้นเยอะมากเลยค่ะ อยู่ที่ประมาณ 15 องศาเซลเซียส สภาพอากาศค่อนข้างร้อน และมีเวลาเที่ยวที่นี่แค่ครึ่งวันก็ต้องกลับประเทศไทยแล้ว ฉะนั้น แม้อากาศจะร้อน คอสตูมหน้าหนาวที่ประโคมจัดเต็มมาจะหนาสักเพียงใด ชิบิก็ไม่ย่อท้อยังคงเลือกไปนั่งเรือพายโบราณชมวิวทะสาบ เพื่อประหยัดเวลาในการเดินชมวิวค่ะ ชิบินั่งเรือสำหรับ 4 คนนั่ง ราคาลำละ 250 หยวน พายไป - กลับ ประมาณ 1 ชม.



          จุดที่ไกลสุดที่ชิบินั่งไปถึง คือจุดที่อยู่บนธนบัตร 1 หยวนของจีน ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนกว่าที่คิดไว้ ทำให้ฮีทเทคและเสื้อโค้ชที่ใส่เข้าไปยิ่งทำให้ระอุเหงื่อไหลโชกไปทั้งตัว ถอดเสื้อโค้ชออกแทบไม่ทันกันเลยทีเดียวแต่ด้วยทัศนียภาพความสวยงามของทะเลสาบซีหูทำให้เราลืมร้อนไปเสียสนิท บรรยากาศแสงแดดกระทบกับสายน้ำสะท้อนแสงระยิบระยับ เสียงฝีพายวักน้ำเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับบรรยากาศที่แสนโรแมนติกที่รายล้อมอยู่รอบๆ

         

          รู้สึกตัวตื่นจากภวังค์อีกครั้งตอนที่คนพายเรือบอกเล่าเรื่องราวของทะเลสาบซีหู สะพานขาด เจดีย์เหลยเฟย และตำนานของนางพญางูขาว แต่ด้วยความที่ส่วนใหญ่แล้วฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะบรรยายภาษาจีนทุกคำ ด้วยความที่ภาษาจีนไม่แข็งแรงนักจึงต้องพึ่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตแล้วล่ะ จากที่สืบค้นข้อมูลมาสรุปได้ประมาณว่า “มีงูขาวกับงูเขียว ซึ่งเป็นเพื่อนรักกันได้บำเพ็ญตบะจนสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ ทั้งคู่เดินทางท่องโลกกว้างจนกระทั่งวันหนึ่งได้เดินทางมาถึงทะเลสาบซีหู และเจอกับชายคนหนึ่งที่บริเวณสะพานขาด งูขาวเกิดตกหลุมรัก งูเขียวจึงแอบร่ายเวทย์มนตร์ทำให้ฝนตก ชายคนนั้นจึงนำร่มมาให้นางทั้ง 2 โดยที่ตัวเองยอมเปียก ทำให้งูขาวยิ่งตกหลุมรักชายคนนี้ และชายคนนี้เกิดตกหลุมรักงูขาวเช่นเดียวกัน งูขาวและชายคนรักต่างพากันเปิดร้านขายยารักษาผู้คนบริเวณทะเลสาบซีหู ต่อมาเจ้าอาวาสวัดจินซานเกิดรู้เรื่องนี้เข้าและกลัวว่างูขาวจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ จึงบอกกล่าวแก่ชายผู้นี้ แต่เขาไม่ปักใจเชื่อ เจ้าอาวาสฯ จึงบอกวิธีพิสูจน์แก่ชายคนนี้ และในวันฉลองสารทจีนปรากฎว่าเมื่อนางกินเหล้าที่ดื่มเพื่อปัดเป่าสิ่งอัปมงคลก็เลยทำให้นางกลายร่างกลับกลายเป็นงูขาว ชายคนนี้ตกใจจนเสียชีวิต งูขาวจึงออกเดินทางไกลหมื่นลี้เพื่อไปขโมยหญ้าชุบชีวิตมาช่วยให้ชายคนรักฟื้นคืนชีพโดยไม่คำนึงว่าตนกำลังตั้งครรภ์ ทั้งนี้ งูขาวได้ต่อสู้กับทหารที่เฝ้าหญ้าชุบชีวิตนี้อย่างไม่คิดถึงชีวิตตน ทหารจึงเห็นใจและให้หญ้าชุบชีวิตแก่งูขาว เมื่องูขาวสามารถช่วยชีวิตชายคนรักฟื้นคืนชีพแล้ว ชายคนดังกล่าวจึงรู้ว่างูขาวรักเขามาก จึงทำให้ทั้งคู่ก็ยิ่งรู้สึกรักกันมากขึ้นไปอีก เมื่อเจ้าอาวาสฯ รู้เข้าก็ยังไม่ยอมรามือ ลวงให้ชายคนรักของงูขาวไปที่วัดจินซานและบังคับให้บวช เมื่องูขาวและงูเขียวรู้เข้าก็โกรธมากจึงบุกไปโจมตีวัดจินซาน แต่งูขาวท้องแก่จึงสู้เจ้าอาวาสฯ ไม่ไหว งูเพื่อนรักทั้งสองจึงหนีไปที่สะพานขาดอีกครั้ง และงูขาวก็ได้พบกับชายคนรักอีกครั้ง ต่อมาเมื่องูขาวคลอดลูกชายได้ไม่นาน ก็ถูกเจ้าอาวาสฯ จับไปขังไว้ที่ใต้เจดีย์เหลยเฟิง และร่ายคำสาบเอาไว้ว่านอกจากน้ำในทะเลสาบซีหูจะแห้งหมด และเจดีย์ล้มลงแล้วเท่านั้น งูขาวจึงจะสามารถกลับสู่โลกมนุษย์ได้ หลายปีต่อมางูเขียวได้บำเพ็ญตบะจนแก่กล้า จึงได้กลับมาทะเลสาบซีหูอีกครั้ง และต่อสู้กับเจ้าอาวาสฯ จนชนะ จึงสูบน้ำในทะเลสาบซีหูจนเหือดแห้ง และล้มเจดีย์เหลยเฟิงลง จึงได้ช่วยงูขาวออกจากเจดีย์ที่คุมขังได้สำเร็จ”


เจดีย์เหลยเฟิง


ตำนานนางพญางูขาว

ตำนานนางพญางูขาว

ตำนานนางพญางูขาว

             

หลังจากนั่งเรือชมวิวทะเลสาบซีหูกันครบ1 ชั่วโมงแล้ว เราก็ลุยกันต่อเลยค่ะ ชิบิเดินไปอีกฝั่งที่เราไม่ได้นั่งเรือผ่าน อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ตลอดแนวทางเดินมีต้นไม้ทั้ง 2 ข้างทางให้ความร่วมรื่น และสีสันของใบไม้ก็สวยงามมาก มีทั้งสีเหลือง สีแดง และสีน้ำตาล บรรยากาศของใบไม้เปลี่ยนสีทำให้รู้สึกอบอวลไปด้วยความโรแมนติก ชิบิเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ เจอวิวสวยๆ รอจังหวะดีๆ ก็กดชัตเตอร์กันอย่างรัวๆ ช่วงเวลา 4 โมงเย็นมีคนมาวิ่งออกกำลังกายเยอะเลยค่ะ นักท่องเที่ยวทั้งชาบจีน และชาวต่างชาติก็เยอะเช่นกัน แต่ก็ไม่วุ่นวาย เดินกันเพลินๆ 


          

           ทะเลสาบซีหูมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 15 กิโลเมตร มีทางเดินทอดตัวยาวไปรอบๆ ทะเลสาบหลายสิบกิโล ทำให้อาจจะต้องใช้เวลาเที่ยวประมาณ 3 – 4 วันจึงจะเที่ยวทั่วทุกมุมของทะเลสาบ ดังนั้น ต้องวางแผนการท่องเที่ยวให้รัดกุมนะคะว่าอยากจะเที่ยวมุมไหนฝั่งไหนบ้าง จะได้ไม่พลาดมุมสวยๆ กันค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลตำนานนางพญางูขาว จากเว็บไซต์ https://www.wonderfulpackage.com/article/v/470/

ภาพถ่าย : ChibiJibiar


ความคิดเห็น